ทำไมลงทุนในหุ้นแล้วขาดทุน 2/2
ทำไมลงทุนในหุ้นแล้วขาดทุน 2/2
——————————-
วรวรรณ ธาราภูมิ CEO กองทุนบัวหลวง
18 สิงหาคม 2557
การลงทุนระยะยาว มีดีอย่างไร
—————————
1. การลงทุนระยะยาวช่วยลบล้างผลลบจากความผันผวนระยะสั้น
เราสามารถคาดการณ์แนวโน้วของราคาหุ้นในระยะยาวได้แม่นยำกว่าระยะสั้น มีหุ้นหลายตัวที่ผันผวนเอามากๆ ในช่วงสั้นๆ ทำให้ผู้ลงทุนเห็นว่าเสี่ยงมากไปที่จะลงทุน แต่หุ้นเหล่านั้นหลายตัวก็พิสูจน์ตนเองแล้วว่าเป็นหุ้นชั้นเลิศสำหรับผู้ลงทุนระยะยาว ดังนั้น การลงทุนระยะยาวในหุ้นของกิจการที่มั่นคงและมีอนาคตสดใสจึงช่วยให้ผู้ลงทุนระยะยาวที่มีจิตใจหนักแน่น สามารถมองข้ามความผันผวนในช่วงสั้นๆ ไปได้
2. การลงทุนระยะยาวในหุ้น ให้ผลตอบแทนที่พิสูจน์ได้ว่า สูงกว่าการฝากเงินและการลงทุนในตราสารหนี้ (มาก)
3. การซื้อๆ ขายๆ หุ้น แบบลงทุนระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรมีต้นทุนสูง ทุกๆ ครั้งที่เราซื้อหรือขาย เราต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้โบรกเก้อร์ แต่การลงทุนระยะยาวในหุ้นที่เลือกมาอย่างรอบคอบแล้วจะทำให้เราลดต้นทุนในการซื้อๆ ขายๆ และทำให้เกิดพลังของผลตอบแทนทบต้น (Compound Interest) แบบที่ไอน์สไตน์บอก
Hanna “เราต้องทำให้คนเกิดความโลภ เราต้องกระตุ้นให้เขาซื้อหุ้นด้วยความฝันว่ามันจะทำให้เขารวย ทำให้เขาพ้นจากชีวิตประจำวันที่ซ้ำซากจำเจ ถ้าหุ้นขึ้นแล้วเขาอยากขายเอาเงินสดคืน เราก็ต้องทำให้เขาอยู่ต่อหรือ ย้ายไปซื้อความฝันจากหุ้นตัวอื่นๆ ที่เราจะแนะนำเขา ทำอะไรก็ได้ที่ให้เขาอยู่กับความฝัน อยู่กับตัวเลขความร่ำรวยบนกระดาษ ห้ามเอาเงินสดกลับไป เพราะเราเองแหละที่จะเป็นผู้เดียวที่ได้เงินสด ได้เงินจริงๆ … หัวใจของเกมส์นี้ก็คือ ล้วงเงินสดจากกระเป๋าของลูกค้ามาเข้ากระเป๋าเรา”
Jordan Belfort “แต่ถ้าเราทำให้ทั้งลูกค้าและตัวเรารวยไปด้วยกัน มันจะ ‘วิน วิน’ ไม่ใช่เหรอ”
Hanna “ไม่”
… จากภาพยนต์เรื่อง Wolf of Wall Street
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำมากกว่าการซื้อๆ ขายๆ คือเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ให้ดี เลือกหุ้นที่ดีที่สุด มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีอนาคตที่ดีในระยะยาว และมีผู้บริหารที่เป็นคนเก่งและดี เมื่อราคาหุ้นตกจนต่ำกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น ก็จงเข้าซื้อ เพราะเราจะได้ Margin of Safety เพิ่ม (Good Stock + Good Trade = Good Investment)
เมื่อลงทุนไปแล้ว ก็ถือยาวๆ ไปเลย จนกว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นจะเปลี่ยนไปในเชิงลบจนทำให้การวิเคราะห์แต่แรกของเราผิดเพี้ยนไปจนยอมรับไม่ได้
4. ยิ่งลงทุนได้ยาวนานเท่าใด ก็จะยิ่งดีต่อเราเท่านั้น
สมมติว่าเรามีเป้าหมายลงทุนทุกเดือน โดยต้องการเงิน 50 ล้านบาทในวันเกษียณอายุ แต่วันนี้ยังไม่มีเงินออมเลย และคาดการณ์ว่าลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12% ต่อปี
ถ้าเรามีเวลาลงทุน 5 ปี ต้องลงทุนเดือนละ 612,222 บาท
ถ้าเรามีเวลาลงทุน 10 ปี ต้องลงทุนเดือนละ 217,355 บาท
ถ้าเรามีเวลาลงทุน 20 ปี ต้องลงทุนเดือนละ 50,543 บาท
ถ้าเรามีเวลาลงทุน 30 ปี ต้องลงทุนเดือนละ 14,306 บาท
ถ้าเรามีเวลาลงทุน 40 ปี ต้องลงทุนเดือนละ 4,250 บาท
สรุป
—-
การวิเคราะห์หุ้นให้เป็น ให้เก่ง เป็นความชำนาญเฉพาะเอามากๆ ความจริงแล้วค่าตัวของนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญ แม่นยำ ย่อมสูงกว่าค่าตัวของผู้จัดการกองทุน เพราะนักวิเคราะห์แบบนี้หายาก และมีค่าต่อบริษัทยิ่ง
อย่าง Wellington Management Company ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ก็มีหัวหน้าทีมวิเคราะห์อุตสาหกรรมเกี่ยวกับ Healthcare ที่มีประสบการณ์เฉพาะในเรื่องนี้มากว่า 30 ปี เขาเชี่ยวชาญขนาดที่หมอ นักวิจัยทางการแพทย์ บริษัทยาต่างๆ ฯลฯ เวลาต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับอุตสาหกรรม Healthcare เช่นยาตัวใหม่ ก็ต้องถามไปที่เขาคนนี้ ซึ่งนี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงคุณค่าของนักวิเคราะห์ที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ในทางลึกที่สั่งสมมายาวนานของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตนเองเป็นผู้วิเคราะห์
ถ้าผู้ลงทุนทั่วไปขาดประสบการณ์สั่งสมอันยาวนานก็จะเป็นผู้วิเคราะห์หุ้นที่มีคุณภาพได้ยาก
แล้วผู้ลงทุนทั่วไปจะลงทุนในหุ้นได้หรือ ในเมื่อส่วนใหญ่ก็ขาดคุณสมบัติในการวิเคราะห์อย่างที่ว่า
ได้สิ ถ้าเราเป็นผู้ลงทุนระยะยาวได้ ลุงวอร์เรน บัฟเฟต เองก็เชื่อในเรื่องความได้เปรียบของการลงทุนระยะยาว ในขณะที่ผู้ลงทุนทั่วไปมักจะทนไม่ไหว หุ้นขึ้นมาแป๊บๆ ก็ขายทำกำไรแล้ว แล้วก็พูดว่ารีบล็อคกำไรไว้ก่อนดีกว่าเดี๋ยวมันจะลง ซึ่งหากไปอ่านกระทู้หลายอันใน Pantip ก็จะเห็นอะไรแบบนี้ไม่น้อย ซึ่งถ้าเขาลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพแล้ว และอดทนต่อความผันผวนช่วงสั้นๆ ได้ รางวัลที่จะได้รับก็คือผลตอบแทนอันเป็นกอบเป็นกำในระยะยาว และดีกว่าจะเข้าๆ ออก เพื่อกำไรนิดๆ หน่อยๆ ในช่วงสั้น
การลงทุนในหุ้นก็คล้ายกับการปลูกต้นไม้ มะม่วงอกร่องที่เราปลูกไว้กว่าจะให้ผลก็หลายปีอยู่ ทำไมต้องไปเด็ดผลมะม่วงที่ยังไม่สุกมากินในวันนี้ ทำไมไม่รอให้เขาสุกได้ที่เพื่อเราจะได้มะม่วงอกร่องที่หอมหวาน คุ้มค่ากับเวลาที่เรารอคอย
หากตัดสินใจที่จะเป็นผู้ลงทุนระยะยาว แต่ไม่รู้จะหาหุ้นอะไรไปลงทุน ให้อ่านเรื่อง Megatrends ของเรา นั่นพอจะให้ไอเดียและมุมมองสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้
มิฉะนั้น ก็ลงทุนในกองทุนรวมเถิด จะเจ้าไหนก็ได้ที่เราเชื่อมั่น จะได้ตัดปัญหาเรื่องการแสวงหาหุ้นดีๆ มาลงทุน เพราะผู้จัดการกองทุนเก่งๆ เขาจะคัดสรรและลงทุนในกิจการดีๆ เพื่อรอคอยผลตอบแทนอันคุ้มค่าในระยะยาว
เขาไม่ได้ “เล่นหุ้น”
ขอขอบคุณพี่ตู่ วรวรรณ คนสวย ที่เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้นะครับ