ว่าด้วยเรื่องบัตรเดบิต

อย่าได้ถามตอนที่เสียประโยชน์ไปแล้ว…

วันนี้ มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารแห่งหนึ่ง มาขอ “ทำความเข้าใจ” เกี่ยวกับการใช้บัตรชิปการ์ด แต่เนื้อหาส่วนใหญ่คือการชักชวนให้เปลี่ยนเป็นบัตร เดบิต แบบมีวงเงินประกันอุบัติเหตุ (แต่ตอนที่บอกเขาใช้คำพูดว่า ประกันชีวิต) และนำเสนอแบบที่มีค่าธรรมเนียมรายปีแพงที่สุด แต่ได้ความคุ้มครองและความช่วยเหลือที่หลายท่านมองว่าคุ้มค่า

ต้องยอมรับว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาดในเรื่องของการเงิน จึงมีคำถามกับเจ้าหน้าที่ไปว่า

1. บัตรที่นำเสนอ เป็นบัตรเดบิต ไม่ใช่บัตรเอทีเอ็มใช่หรือไม่
2. บัตรเอทีเอ็มแบบชิปการ์ด มีหรือไม่

คำตอบที่ได้คือ…
1. เป็นบัตร”เอทีเอ็มเดบิต”ค่ะ
ผมสงสัยว่า ทำไมเขาไม่บอกว่า เป็นบัตรเดบิตที่สามารถกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มได้
2. ตอนนี้ ยังไม่มีค่ะ
แสดงว่า ในอนาคตอาจจะมีใช่ไหม
เขาตอบว่า ยังไม่ทราบค่ะ เพราะแบงก์ชาติอาจมีการเปลี่ยนแปลง

… ทำไมเขาไม่บอกว่า การที่ให้ใช้บัตรเดบิต เพราะรัฐต้องการเป็น e-citizen ต้องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เผื่อใครจะไปฟอกเงินที่วั……… เอิ่มมม นอกเรื่อง และต้นทุนในการผลิตเหรียญและธนบัตรสูงขึ้น บอกแบบนี้สิ คนเขาจะได้เข้าใจ นี่บอกแต่ว่า เค้าให้ใช้แบบนี้ ให้ใช้แบบนี้

คำถามสุดท้ายคือ ถ้าผมต้องใช้บัตรเดบิต ผมจะเปลี่ยนให้วงเงินเป็น 0 ได้ไหม

เจ้าหน้าที่ทำหน้าเลิกลั่ก หันไปมองกันแล้วตอบว่า “ไม่ได้ค่ะ” ผมเลยบอกว่า “แบบนี้มันก็ไม่ปลอดภัยสิ อย่างกรณีบัตรเงินเดือนผม ทำสัญญาเบิกเกินวงเงินสองแสนกว่า ถ้าวางกระเป๋าไว้แล้วมีใครมาหยิบไป เขาก็สามารถไปซื้อของได้เลย เพราะบัตรเดบิตมันไม่ต้องกดรหัส ไม่ต้องเซ็นชื่อ ไม่ต้องตรวจสอบอะไรเลย”

…”พี่ก็สมัคร sms แจ้งเตือนสิครับ”

คือเป็นคำตอบที่… พูดไม่ถูก มันเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่สามารถป้องกันได้ ผมก็บอกว่า sms มันแค่แจ้งเตือน แต่มันจะรับประกันได้ไหมว่า ผมจะได้เงินจำนวนนั้นคืน เขาบอกว่า “อย่างน้อยพี่ก็ระงับบัตรได้”

คำพูดนี้น่าจะยืนยันได้ว่า ความปลอดภัยนั้นยังไม่มี หรือยังมีไม่มากพอ และยังไม่ตอบว่า จะได้เงินคืนหรือไม่

มีคนพูดว่า บัตรเดบิต คือบัตรที่ใช้เงินในบัญชีเรานั่นแหละ

ก็เพราะเหตุผลนี้ไง จึงต้องคิดให้มาก

ถ้ามีใครไม่รู้ เอาบัตรคุณไปซื้อของ 5000 / 10000 / 100000 แล้วเวลาคุณไปแจ้งธนาคารแล้วเจ้าหน้าที่บอกว่า “แฟนคุณ ลูกคุณ เอาบัตรไปใช้หรือเปล่า” คุณจะรู้สึกอย่างไร กับการที่ควบคุมอะไรไม่ได้เลย

อย่างที่บอก ผมไม่ค่อยฉลาดเรื่องการเงิน เลยมีข้อสงสัยเยอะ แต่สิ่งสำคัญคือ เจ้าหน้าที่หน้างอคอหัก ทำหน้าไม่พอใจ แล้วบอกว่า เอาที่อาจารย์สะดวกก็แล้วกันค่ะ

โห นี่คืออาการของคนที่ตอบข้อสงสัยของลูกค้า ที่แบบ ถ้าครูทำแบบนี้กับเด็ก โดนฟ้อง ผอ. แน่ๆ ไม่นึกบ้างว่า คนเค้าใช้บริการธนาคารนี้ในการซื้อกองทุนรวม เปิดพอร์ตหุ้น แล้วยังถือหุ้นของธนาคารนี้ด้วย แทบจะเดินออกมาดิ้นพล่านๆ บนพื้นเลย

เงิน ก็เงินเรา
ผลประโยชน์ก็ผลประโยชน์เรา ต้องถามให้เข้าใจก่อน ถ้าเกิดอะไรขึ้นตอนหลัง อย่าได้โทษว่าเขาไม่บอก

เพราะเขาไม่ได้โกหก แค่พูดความจริงไม่หมด เท่านั้นเอง
21 / 6 / 2559

Comments

comments