อยากปลดหนี้ ทำอย่างไรดี

6 ขั้นตอนแก้หนี้ ทำไม่ยากหากตั้งใจจริง
————————————————
หนี้สินรุงรังยังเป็นเรื่องปัญหาโลกแตกของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย แต่เชื่อไหม ปัญหาของคนเป็นหนี้ท่วมหัวจำนวนมาก ไม่ใช่มาจากรายได้น้อย แต่มาจากการขาดวินัยทางการเงิน ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนสาเหตุหลักๆ ก็เรื่องนี้ทั้งสิ้น

การมีหนี้สินไม่ใช่สิ่งผิด หนี้ที่จำเป็นก็สามารถก่อได้ เช่นหนี้เพื่อการดำรงชีพ หนี้สินบ้าน รถที่จำเป็นต้องใช้ ให้พอเหมาะพอดีตามอัตภาพ แต่หลายคนมารู้เมื่อสายหนี้สินรุงรังพันตัวไปแล้ว

สถานการณ์เช่นนี้จะหาทางออกได้อย่างไร
————————————————–
หนี้ที่มี จะเป็นปัญหาหรือไม่ อยู่ที่คำว่าวินัย ถ้าเป็นหนี้แล้วรู้ตัวตลอดเวลา มีการบริหารจัดสรรการจ่ายคืนหนี้ และไม่ก่อหนี้ใหม่เกินตัว รู้จักประเมินตัวเอง รู้จักพอเพียง การมีหนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา

หนี้สินมีหลายแบบ คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน บางคนไม่อยากเป็นหนี้แต่มีความจำเป็น แต่บางคนก็หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เพราะโลภ อยากได้ อยากมี และคิดว่าหนี้ไม่ใช่ปัญหา โดยไม่ประเมินกำลังความสามารถในการหาเงินหารายได้หรือชำระหนี้ของตัวเอง นี่คือขาดการวางแผนการเป็นหนี้

แต่จะหนี้แบบไหน ถ้ามีขึ้นมาแล้วเป็นทุกข์ทั้งนั้น จึงต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจ ลดละเลิกความอยากได้อยากมีให้ได้ เพราะหนี้มันเกิดง่ายตามความอยาก ที่ซ้ำร้ายคือสิ่งเย้ายวนมีมากขึ้น เดี๋ยวนี้ใครมีอะไรก็โชว์บนเฟส พอเข้าไปเห็นก็อยากได้ อยากไปเที่ยวบ้าง อยากกินบ้าง เวลาอยากได้ของก็ไม่ต้องไปร้าน แค่กดซื้อออนไลน์ ถ้าเงินไม่พอก็กู้ การกู้ก็ง่ายเพราะก็มีโทรศัพท์มาให้วงเงินสินเชื่อโดยไม่ต้องไปแบงค์

ตรงนี้แหละทำให้เสียวินัยกันได้ง่ายๆ

มีหนี้แล้วอยากกลับตัว อยากล้างหนี้ ต้องทำอย่างไร
————————————————————–
ถ้ามีความตั้งใจจริงๆ พี่เชื่อว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ จะหนี้มากแค่ไหนก็ต้องมีทางออก ชีวิตคนเราไม่เคยสิ้นหวัง ปัญหาจะมากจะน้อยก็ต้องแก้ได้ อาจจะใช้เวลามากน้อยต่างกันเท่านั้น

ข้อแรก จัดระเบียบหนี้สิน
——————————
บางคนเป็นหนี้โดยไม่เคยรู้เลยว่ามีหนี้อยู่เท่าไรที่ไหนบ้าง ดอกเบี้ยเท่าไรคิดยังไง บางคนไม่เคยรู้เลยวิธีคิดดอกเบี้ยของหนี้แต่ละอย่างไม่เท่ากัน อย่างเช่นอัตราดอกเบี้ยบ้านคิดแบบลดต้นลดดอก แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อรถยนต์หรือผ่อนชำระสินค้าที่คิดแบบ flat rate มันไม่ลดต้นลดดอก อัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่จ่ายจึงมากกว่าอัตรคาดอกเบี้ยลดต้นลดดอกประมาณเท่านึง

ต้องเขียนหรือพิมพ์ใส่คอมพ์ออกเลย อย่าแค่จำมันจะลืม เงินกู้ตอนเริ่มต้นเท่าไร กู้จากไหน มีหนี้กับธนาคารไหน บริษัทไหน หรือยืมเพื่อนพ้องพี่น้องคนไหนมาบ้าง อัตราดอกเบี้ยเท่าไร จ่ายเงินต้น ดอกเบี้ยยังไง เดือนละเท่าไร เงื่อนไขเป็นอย่างไร เขียนออกมาให้หมดเลย ใครทำ excel เป็น แนะให้ทำไว้เลยจะเปรียบเทียบง่าย

พอรู้สถานะหนี้ทั้งหมดที่มี ทีนี้ก็จะง่ายในการวางแผนจัดการ

ข้อสอง ประเมินสถานะการเป็นหนี้
—————————————-
พอเรารู้หนี้สินที่มีแล้ว ให้เอาไปเทียบกับรายได้เพื่อประเมินสถานะความเป็นหนี้ของเราว่าอยู่ในระดับใด คืแ 1 มีหนี้แต่ยังสบายๆ 2 มีหนี้ตึงมือ หรือ 3 มีหนี้ขั้นวิกฤต

ถ้ารายได้แต่ละเดือน เพียงพอจ่ายดอกเบี้ย และเงินต้นได้ตามสัญญา ก็ถือว่ามีหนี้แต่ยังสบายๆ

ถ้ารายได้แต่ละเดือน ยังพอจ่ายดอกเบี้ย แต่ไม่พอจ่ายเงินต้นตามสัญญา อันนี้หนี้สินตึงมือ

ถ้ารายได้แต่ละเดือน ไม่พอจ่ายดอกเบี้ย เงินต้นไม่ต้องพูดถึง อันนี้มีหนี้ขั้นวิกฤติแล้ว

ถ้าหนี้ตามความจำเป็น อย่างบ้าน รถ และผ่อนไหว ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีหนี้เงินกู้ส่วนบุคคล เงินกู้นอกระบบ เงินกู้บัตรเครดิต แม้จะยังสามารถจ่ายได้ทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นอยู่ด้วย ก็ควรต้องหาวิธีจัดการไม่ใช่ปล่อยไว้ เพราะหนี้พวกนี้อัตราดอกเบี้ยสูงมาก และลดได้ต้องรีบลด

ข้อที่สาม วางแผนปลดหนี้ด้วยการจัดกลุ่มหนี้
—————————————————–
หลังจากเรารู้สถานะหนี้ของตัวเองแล้ว ประเมินสภาพความหนักเบาได้แล้ว ก็ต้องจัดวางแผนปลดหนี้ด้วยการจัดกลุ่มหนี้ เอาง่ายๆ ก็ 2 กลุ่ม

1 หนี้สินที่คงไว้ได้

เป็นหนี้ที่เกิดจากการหาสินทรัพย์จำเป็น เป็นหนี้ที่มีได้ ไม่เป็นปัญหา เช่นหนี้สินเงินกู้ซื้อบ้าน คอนโด รถยนต์ สำหรับใช้ดำรงชีพ ใช้หารายได้ และเรายังสามารถจ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ แต่ถ้าประเภทกู้ซื้อรถมาจอดไว้บ้าน 2 คัน 3 คัน ไม่ได้ใช้ อันนี้ก็ไม่ใช่ หรือกู้มาซื้อคอนโดไว้ลงทุนหลายๆ ห้อง แต่ไม่มีคนเช่า ดอกเบี้ยบาน ค่าส่วนกลางมากมาย อันนี้ไม่ใช่หนี้สินที่ควรจะคงไว้

2 หนี้สินที่ควรกำจัดออกไป

คือหนี้ที่ไม่ได้เกิดจากความจำเป็นในการดำรงชีพ หรือจำเป็นตอนเริ่มต้นก่อหนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว รวมไปถึงหนี้ที่ต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยสูงๆ ไม่ว่าจะเกิดจากความจำเป็นหรือไม่ก็ตาม เช่น สินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต เงินกู้นอกระบบ เป็นต้น

เหล่านี้คือหนี้สินที่ควรกำจัดออกไป ให้เราเรียงลำดับเป้าหมายการกำจัดเลย ว่าหนี้ไหนต้องเคลียร์ก่อน

ข้อที่สี่ กำหนดลำดับของหนี้ที่ควรกำจัด
———————————————–
ถ้าด้วยหลักของตัวเลข เราก็ต้องคืนหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน
ลดดอกเบี้ยที่ไหนได้มากกว่า ก็ไปจัดการที่นั่นก่อน  ดูเงื่อนไขประกอบหน่อยว่ายังไง

แต่ถ้ามีหนี้สินรุงรังหลายๆ ที่ แล้วมีอัตราดอกเบี้ยสูงๆ อยากแนะนำให้โปะหนี้สินที่มีจำนวนน้อยก่อน จะดีมากในเชิงจิตวิทยาที่เราสามารถลดจำนวนรายเจ้าหนี้ลงได้ เป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้ตัวเอง และตัดความวุ่นวายออกด้วย เพราะยิ่งมีหลายที่ ก็จะยิ่งวุ่นวาย

ข้อที่ห้า หากระแสเงินสดมาโปะหนี้
—————————————–
รายได้ไม่พอไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง แต่การไม่รู้วิธีบริหารจัดการต่างหากที่เป็นปัญหา

วิธี มันมีร้อยแปด แต่พี่ขอยกตัวอย่างมา 5 ข้อ

1 ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

การที่รายได้ไม่พอก็เพราะดันไปมีรายจ่ายไร้สาระมากเกินไป เช่นสังสรรค์กับเพื่อนสัปดาห์นึงก็หลายครั้ง กินอาหารร้านหรูแทบทุกวัน ช้ปปิ้งแหลกราญ แต่บ่นเงินไม่พอ

เรื่องแบบนี้ขอแนะนำว่าถ้าเป็นปัญหาหนี้ในระดับปกติ ก็ให้ค่อยๆ ลด ถ้าเป็นปัญหาหนี้ระดับวิกฤติ ก็ต้องหักดิบกันละ การหักดิบจะเหมือนการ shock ตัวเองด้วย ในอนาคตจะได้รู้ว่าถ้าปล่อยให้เกิดหนี้อีกจะเจออะไร ลำบากยังไง

2 หาทางเพิ่มรายได้

คนที่ทำงานประกอบอาชีพฟรีแลนซ์ มีกิจการตัวเอง ก็ให้ลองดูว่าทุกวันนี้เราทุ่มเทกับการหารายได้เต็มที่หรือยัง จริงอยู่การบริหารชีวิตระหว่างงานกับครอบครัวและเวลาส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ แต่ ณ วันนี้ วันที่เราเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ต้องการลดหนี้ลง อาจจะต้องยอมลดเวลาส่วนตัวกับครอบครัวลง ยอมเหนื่อยเพิ่มขึ้นเพื่อหารายได้ไปลดหนี้

สำหรับมนุษย์เงินเดือนอาจจะลำบากหน่อย เนื่องจากค้าขายไม่ค่อยเป็นกัน กลัวตากหน้า  แต่เดี๋ยวนี้มันง่ายขึ้น เพราะมีช่องทางการหารายได้ที่ตรงไปถึงลูกค้าได้เลยโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง

3 ขายทรัพย์สิน

ข้อนี้เป็นวิธีที่คนไม่ค่อยนึกถึงกัน หรืออายที่จะทำ แต่ขอให้คิดดูว่าทรัพย์สินต่างๆ ที่มีมากมาย แม้ครั้งหนึ่งจะเคยมีคุณค่าทางจิตใจ ถ้าหากไปกู้ยืมมา หรือซื้อด้วยราคาแพงๆ แต่เป็นทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  มาวันนี้ มันถึงเวลาหรือยังที่ต้องตัดใจจำหน่ายออกไปเสียบ้าง  กระเป๋าแพงๆ ของคุณผู้หญิง หลายใบมีมูลค่าหลักหมื่น หรือนาฬิกาแพงๆ ของคุณผู้ชาย ถ้าเปลี่ยนเป็นเงินสด เพื่อลดหนี้ได้ มันจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้เราได้หายใจคล่องขึ้นในการลดหนี้

4 ตามเงินคืนจากลูกหนี้

ข้อนี้พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ต้องนำมาอยู่ในแผน

ในอดีตเราอาจจะเคยช่วยเพื่อนที่มีปัญหาด้านการเงิน แต่วันนี้เรากลับมีปัญหาเสียเอง ลองถามดูหน่อยไหมสำหรับคนที่คิดว่าพอคุยกันได้ คุยดูว่าเงินที่หยิบยืมไป พอจะคืนเราได้บ้างไหม แม้จะรู้ทั้งรู้ ให้ยืมแบบนี้ น้อยนักที่จะได้คืน แต่ลองถามดูก็ไม่เสียหลาย

5 ย้ายหนี้ดอกเบี้ยสูงมาเป็นหนี้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อลดรายจ่ายดอกเบี้ย

ข้อนี้เป็นอีกทางที่น่าสนใจ เพราะเดี๋ยวนี้มีทางเลือกและข้อเสนอมากมาย

หนี้บางแห่งที่ดอกเบี้ยแพงๆ ถ้าเรายังสามารถกู้อีกแหล่งที่อัตราดอกเบี้ยถูกกว่ามาโปะหนี้ดอกเบี้ยแพงกว่าได้ ก็ควรทำ แต่สำคัญว่าหนี้ใหม่ต้องเอามาโปะหนี้เก่าเท่านั้น ไม่ใช่ไปใช้จ่าย ทำให้กลายเป็นหนี้เพิ่ม

ขั้นตอนที่หก ขอผลัดผ่อน เลื่อนชำระ ประนอมหนี้
———————————————————–
ถ้าทำทุกวิถีทางแล้วแต่หนี้ยังไม่หมด ยังหาเงินมาโปะมาลดต้นลดดอกไม่พอ ก็ต้องไปคุยกับฝั่งเจ้าหนี้ ขอผลัดผ่อน เลื่อนชำระหนี้ หรือประนอมหนี้

ถ้าเราทำเต็มที่ด้วยความพยายาม ด้วยความสัตย์จริง อย่างเต็มที่ เจ้าหนี้ก็คงไม่ใจร้าย

ข่าวดีก็คือ เดี๋ยวนี้หน่วยงานกลางอย่าง ธปท เขาเห็นความสำคัญในเรื่องนี้มาก และได้ร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อช่วยเหลือผู้มีหนี้มากขึ้น โดยมุ่งหวังให้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่ให้ความรู้อย่างเดียว  เขาจัดตั้งคลินิคแก้หนี้ขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

คลีนิคแก้หนี้ เป็นโครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันที่ จัดตั้งขึ้นโดย ธปท และสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์ของไทยและต่างประเทศ ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน โดยเฉพาะหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายราย โดยลูกหนี้สามารถได้ข้อยุติกับธนาคารเจ้าหนี้หลายๆ แห่งในคราวเดียว ผ่านหน่วยงานกลางที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาแทนเจ้าหนี้ทุกรายอย่างครบวงจร ภายใต้กรอบกฎหมายที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

นี่เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่ ธปท กับบรรดาธนาคารต่างๆ เขาร่วมกันทำขึ้นมา เพราะหากลูกหนี้มีหนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อบุคคล ที่มีเจ้าหนี้หลายราย และต้องการปลดภาระหนี้สิน โครงการนี้จะช่วยหาแนวทางการชำระหนี้ตามความสามารถที่แท้จริงของลูกหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ได้ข้อยุติในคราวเดียว ซึ่งเหมือน One Stop Service คือได้ติดต่อกับเจ้าหนี้ทุกรายแทนลูกหนี้ แทนที่จะต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้ทีละราย จนครบทุกราย ซึ่งยากที่จะเจรจาได้สำเร็จ เพราะเจ้าหนี้แต่ละรายมีหลักเกณฑ์และมาตรฐานการชำระคืนหนี้ที่แตกต่างกัน

เมื่อสถาบันการเงินเริ่มทำอย่างนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าชมเชยมาก เพราะนี่คือการทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสังคมส่วนรวมอย่างแท้จริง

วรวรรณ ธาราภูมิ / เสกสรร โตวิวัฒน์

Comments

comments