พิธีวัดสุนทรประดิษฐ์ ปี 2534 พิธีใหญ่

พิธีพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2534 ณ วัดสุนทรประดิษฐ์

โดยมีพระคณาจารย์ 21 รูปร่วมอธิษฐานจิต ดังรายนามต่อไปนี้

1. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง

2. หลงพ่อเปิ่น วัดบางพระ

3. หลวงพ่อห้อม วัดคูหาสรรค์

4. หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ

5. หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน

6. หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง

7. หลวงปู่ดี วัดพระรูป

8. หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม

9. หลวงพิมพา วัดหนองตางู

10. หลวงพ่อช่อ(ฤาษีลิงขาว) วัดฤกษ์บุญมี

11. หลวงปู่มี วัดมารวิชัย

12. หลวงพ่อเปรื่อง วัดบางคลาน

13. หลวงพ่อมหาพันธ์ วัดเนรมิตรวิปัสสนา

14. หลวงพ่อจิตร วัดวังแดง

15. หลวงพ่อโถม วัดธรรมปัญญาราม

16. หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม

17. หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดชากนิมิตวิทยา

18. หลวงตาละมัย วัดอรัญญิก

19. หลวงพ่อตุ๊เจ้าป่า วัดรวมเทพ

20. หลวงพ่อบุญจันทร์ วัดในห้วย

21. หลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์

ความรักที่ส่งต่อในวัตถุมงคล

วันนี้ 12 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายมรณกาลของหลวงพ่อกวย ชุติธโร วัดโฆษิตาราม

ในวันนี้จึงขอเขียนความรักที่ครูมีต่อลูกศิษย์ ทั้งนี้ขอยกตัวอย่างหลวงพ่อกวย หลวงปู่แขก และหลวงตาไหว ผู้ซึ่งเป็นเหมือนดั่งพ่อแม่ครูอาจารย์ที่คอยปกป้องลูกศิษย์นึกถึงแต่ปวงศิษย์ทั้งหลาย

อันนี้ขอเขียนในแง่มุมของความรักไม่อยากเขียนถึงเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เพราะเดี๋ยวจะมีพวกที่ค้าขายวัตถุมงคลนำมาเป็นประโยชน์ส่วนตัวไป

หลวงพ่อกวยเป็นพระที่สมถะแต่หมั่นหาวิชาในวัยหนุ่ม แสวงหาครูบาอาจารย์จนได้รับการยอมรับจากเกจิยุคก่อน พ.ศ. 2500 หลวงพ่อเป็นผู้ที่รักศิษย์ทุกคนเหมือนลูก เวลาว่างก็จะสร้างวัตถุมงคลไม่พักผ่อน เพราะท่านบอกว่าสร้างเท่าไรก็ไปพอ อีกหน่อยคนจะตามหาเยอะ

อีกรูปหนึ่งคือ ท่านเจ้าคุณหลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์ ทุกครั้งที่ครูแชมป์ไปเที่ยววัด หลังจากที่ท่านฉันเสร็จแล้ว หากไม่มีแขกท่านจะเข้าที่นั่งอธิษฐานจิตให้กับสิ่งต่างๆที่บรรดาลูกศิษย์นำมาฝากไว้ หากมีลูกศิษย์มาขอให้เสก จาร เพิ่มเติม ท่านก็เมตตาสงเคราะห์ทุกคนไม่เลือกว่ายากดีมีจน

รูปสุดท้ายคือหลวงตาไหว ชาวบ้านแถบบางระกำจะเรียกท่านว่า พระครูไสว ขันติพโล แต่ครูแชมป์เรียกท่านว่าหลวงตาเพราะนับถือหลวงปู่แขกเป็นทางพ่อ นับถือหลวงตาเป็นทางแม่ ซึ่งได้ขออนุญาตท่านแล้วและรู้สึกจะมีคนเดียวที่ท่านให้เรียกได้

คราวนี้จะขอกล่าวถึงในจุดที่ว่าทำไมถึงได้บอกว่าท่านรักศิษย์นักหนา ในการสร้างวัตถุมงคลต่างๆนั้น หากต้องการปริมาณมากๆในระยะเวลาอันสั้นก็ต้องพึ่งการสั่งทำจากโรงงาน ปัจจุบันสามารถสั่งทำได้หลักพันหลักหมื่นได้ภายในไม่กี่วัน ต่างจากสมัยก่อนที่ต้องใช้เวลาในการทำมากอยู่

หนึ่งในวัตถุมงคลที่ทำยากก็คือ “ตะกรุด” ซึ่งมีทั้งแผ่นโลหะหรือสร้างจากวัตถุอื่นๆ (กระดาษ ไม้ไผ่ ผ้า ฯลฯ) แท้จริงแล้วการทำตะกรุดแล้วม้วนเป็นแท่งนั่นเพราะให้สะดวกต่อการพกพา

ในการลงยันต์ที่ตะกรุด หากเป็นการจารมือ ท่านจะต้องเรียกแม่ธาตุก่อน ปลุกแผ่น จากนั้นก็จารไปทีละตัว จารหนึ่งตัวท่อง 1 คำ (ต่างจากที่เราเขียนภาษาเราธรรมดา) เพราะต้องเรียกชื่อ สนธิตัวอักษร และทำให้บังเกิด (อักษร 1 ตัว จะต้องท่องคาถาเรียกสูตรเรียกนามประมาณ 44 พยางค์ ถ้าเขียน 20 ตัวก็คูณเข้าไป) ดังนั้นการจารตะกรุด 1 ดอกจะใช้เวลามาก เมื่อจารแล้ว ท่านจะใช้มือรูปประจุพลังแล้วเรียกชื่อตะกรุดปลุกด้วยคาถาว่าจะให้เด่นทางไหน แคล้วคลาด คงกระพัน โชคลาภ คุ้มภัย เมตตามหาเสน่ห์

บางครั้งหากมาธิจิตไม่ดี เวลาเขียนลงไปเกือบจะเสร็จแล้ว พลาดไปเขียนตัวอักษรทับกัน หรือทับเส้นตารางยันต์ ก็จำเป็นต้องนำแผ่นยันต์แผ่นนั้นทิ้งทันที เพราะถ้านำไปใช้ก็ไม่เกิดผลอะไร เราเรียกว่ายันต์ตาบอด บางทีจารยันต์ไปเกือบชั่วโมงแต่ถ้าไม่มีสมาธิพลาดไปแค่นิดเดียวก็หมดกัน

ครูแชมป์โชคดีที่ได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์หลายท่าน โดยท่านได้จารยันต์จารตะกรุดประจุพลังประจุอาคมให้ ไปไหนมาได้ถือว่าครูบาอาจารย์คุ้มครองตัว นั่นเพราะท่านค่อยๆลงอักขระ ตามด้วยอธิษฐานให้ปกป้องคุ้มครองเรา

ครูอาจารย์ย่อมรักศิษย์ อะไรที่ทำให้ได้ท่านก็จะทำให้สุดแรงสุดหัวใจ อยากได้อะไรก็ยกให้มิได้ปิดบังซ่อนเร้น เหล่าศิษย์พึงรักษาความรักของครูบาอาจารย์ท่านไว้อย่าได้เสื่อมคลายในความเคารพรักเลย

ครูแชมป์

พิริยะ  ตระกูลสว่าง
12 เมษายน 2561

เหรียญผู้ชนะสิบทิศ หลวงปู่แขก

ปีนี้เป็นปีชงของปีจอ ก่อนหน้านี้เห็นเหรียญหนุมานมาหลายรุ่นหลายแบบ ส่วนตัวไม่ได้ชอบเลย เพราะเคยรู้มาว่า คนที่ห้อยหนุมาน สักหนุมาน ล้วนมีอาการ “ร้อน” ทั้งนั้น นั่นเพราะหนุมานเหมาะสำหรับสายบู้

เหรียญหนุมานผู้ชนะสิบทิศ หลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์

เหรียญหนุมานผู้ชนะสิบทิศ หลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์

จริงๆผมเห็นเหรียญผู้ชนะสิบทิศมาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่อยากนำมาใช้ จนกระทั้งปีนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร อยากนำมาห้อยเสียเหลือเกิน บังเอิญไปอ่านเจอด้วยว่าหนุมานเป็นที่เกรงใจของพระเคราะห์จึงแก้ชงได้(ในกรณีของคนที่เชื่อปีชง)

ผมได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณหลวงปู่แขก วันที่ 28 มีนาคม 2561 เมตตาจารยันต์ลงในเหรียญด้านหน้า และเล็บมือ ข้าวเหลือช้อนสุดท้าย และจีวรของหลวงปู่นำใส่ลงไปตอนเลี่ยมพลาสติกด้วย

อันนี้เลี่ยมแบบเลนส์ครับ เลี่ยมโบราณแบบนี้สวยดี ห้อยด้านนอกได้ไม่อายใคร

ส่วนเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เดี่ยวถ้ามีแล้วจะมาเขียนเล่าเพิ่มนะครับ

ประสบการณ์หลวงปู่แขก มาฆบูชา 2561

#บันทึกประสบการณ์วันมาฆบูชา2561

(เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นของผู้เขียนเกี่ยวกับหลวงปู่แขก ปภาโส วัดสุนทรประดิษฐ์ ไม่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ทั้งหมด หรือบางส่วน ในรูปแบบของข้อความ สื่อดิจิทัล เพื่อป้องกันไม่ให้นำไปใช้ของกลุ่มพุทธพาณิชย์เหมือนบทความเดิมอันไม่ได้เกิดจากความศรัทธาอย่างแท้จริง)

ในวันที่ 1 มี.ค. 2561 ซึ่งเป็นวันหยุดวันมาฆบูชา ผมได้ขี่จักรยานยนต์ไปทำบุญที่วัดสุนทรประดิษฐ์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระรัตนตรัยและอุทิศให้เทวดารักษาตัวของบิดามารดา ทุกครั้งที่ไปที่วัดก็จะได้รับความรู้สึกสบายใจ เพราะเหมือนได้อยู่ใกล้ญาติผู้ใหญ่ที่คอยปกป้องดูแล

เมื่อไปถึง ได้นำอาหารไปถวายหลวงตาไหว (พระครูประสาธท์ธรรมคุณ) ก็ได้ไปดูที่กุฏิของหลวงปู่แขก (ท่านเจ้าคุณพระมงคลสุธี) พบว่าหลวงปู่เพิ่งฉันอาหารเสร็จพอดี จึงขอโอกาสบีบนวดปรนบัติรับใช้ตามวาระ เมื่อนั่งคุยนั่งนวดไปสักพัก หลวงปู่บอกว่าเดี๋ยวจะเข้าที่นั่ง แล้วท่านก็ลุกไปกราบพระ ผมก็เปิดพัดลมตัวที่อยู่ใกล้ๆแต่ก็ไม่ทำงาน ด้วยความกลัวว่าจะมายุงมากัดหลวงปู่ จึงได้หาสิ่งของมาพัดให้กลวงปู่เบาๆ

ในขณะที่นี่นังพัดวีให้หลวงปู่ แว๊บหนึ่งของความคิดอยากจะขอบารมีของพ่อแม่ครูอาจารย์เข้ามาในตัวเราบ้าง จึงขออาราธนาบารมีหลวงปู่ แล้วจับตรงปลายชายสังฆาฏิด้านหลังของหลวงปู่โดยท่องอาราธนานังไว้ตลอด

ผมไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าอย่างไร แต่สิงที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นก็สร้างความรู้สึกฉงนใจ เพราะปลายนิ้วที่สัมผัสกับชายผ้าสังฆาฏิรู้สึกเหมือนเราจับชีพจรคนอื่นที่ข้อมือ รู้สึกเลยว่า หนึบ หนึบ มันชีพจรที่เต้นเป็นจังหวะชัดๆ ขณะนั้นไม่ได้สัมผัสตัวของหลวงปู่เลย

ขอบันทึกไว้เพื่อเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนบุคคล ไม่ได้อ้างอิงถึงอิทธิปาฏิหาริย์ใดๆ เพราะทุกครั้งที่พูดคุยกับหลวงปู่ ท่านจะสอนหลักธรรมะโดยตลอดไม่พูดถึงเรื่องปาฏิหาริย์ และเมื่อมีใครมาเล่าประสบการณ์ ท่านก็จะยิ้มๆแล้วก็อธิบายตามหลักธรรมของพระพุทธองค์

พิริยะ ตระกูลสว่าง
2 มีนาคม 2561

พระไพรีพินาศ รุ่นชัยชนะศึก พ.ศ. 2546

พระไพรีพินาศรุ่นชัยชนะศึก

พระไพรีพินาศรุ่นชัยชนะศึก

จากการที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงหลั่งน้ำทักษิโณฑก ประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2123 นั้น พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถ มีน้ำพระทัย กล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทรงเป็นนักรบและเป็นแม่ทัพผู้รอบรู้ในยุทธศาสตร์ ตลอดจนยุทธวิธีต่างๆ เป็นเลิศเป้นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งต่อคนไทยทั้งชาติ ทุกคร้งที่พระองค์เสด็จออกทำศึกสงคาม จะเสด็จนำหน้ากองทัพทุ่มเทพระวรกาย เพื่อประชาชน และประเทศชาติ ตลอดพระชมม์ชีพของพระองค์ ความกล้าหาญ และเด็ดเดี่ยวของพระองค์เป็นที่เกรงขามของข้าาศึกเป็นอย่างยิ่ง พระราชกรณียกิจของพรเองค์ประดุจดังพระสยามเทวาธราช ได้อัญเชิญให้พระองค์มาถือกำเนิดเพื่อกอบกู้เอกราชของชาติได้และสร้างความเจริญมั่นคง ความเป็นปึกแผ่นของชาติไทย พระเกียรติคุณชองพระองค์ได้แผ่ขจรขจายไปทั่ววทุกสารทิศ จนได้รับสมัญญานามมหาราชตั้งแต่อดีตกาล ด้วยกุศลผลบุญที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้สร้างไว้มากมายมหาศาล ต่อชาติ และประชาชนในครั้งนั้น ยังประทับอยู่ในความทรงจำของประชาชนในครั้งนั้น ยังประทับอยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าในปัจจุบันโดยที่มิอาจจะลืมเลือนไปได้

การก่อสร้างพระมหาเจดีย์ฯ เพื่อเป็นอนุสรณ์พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในพื้นที่อำเภอแม่สาย
จังหวัดเชียงราย จะเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนให้รำลึกถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และจะได้รวมพลังสามัคคีแก้ไขปัญหาของชาติให้มีความมั่นคง และรักษาอธิไปไตยของชาติตลอดไป


1. วัตถุประสงค์ของการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์
1.1 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย จนเป็นปึกแผ่นมั่นคงมาจนถึงปัจจุบัน
1.2 เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทย โดยเฉพะาเพื้นที่ภาคเหนือตอนบนให้ร่วมแรงร่วมใจ เสียสละชีวิต
เลือดเนื้อ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศชาติ
1.3 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ทรงเป็นนักรบและ แม่ทัพ ผู้รอบรู้ในยุทธศาสตร์ตลอดจนยุทธวิธีต่างๆ เป็นเลิศ
1.4 เพื่อเป็นปูชนียสถานที่ชาวไทยทุกคนได้เคารพสักการะ อีกทั้งชาวต่างประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวได้ทราบถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

2. สถานที่ก่อสร้างโครงการ
บริเวณฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดน (เก่า) พิกัด NC 905584 ความสูง 1,750 ฟุต บ้านป่ายางผาแตก
อ.แม่สาย จ.เชียงราย เส้นทางสายอำเภอแม่สาย-บ้าผาหมี-บ้านผาฮี้

3. รูปแบบในการก่อสร้าง
3.1 พระมหาเจดีย์ รูปแบบเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
3.2 พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อยู่ด้านหน้าพระมหาเจดีย์ หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ
มีขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 2.5 เท่า เป็นรูปประทับบนหลังม้า

4. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
เมื่อพระมหาเจดีย์ “ชัยชนะศึก” ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ตามโครงการ จะเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง 1,750 ฟุต ที่มองเห็นไกลออกไปทุกพื้นที่ ทำให้ชาวไทยทุกคนได้เคารพสักการะ ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมากมาย เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทุกคนให้ตระหนักถึงศักดิ์ศรีของประเทศชาติ มีความภูมิใจที่เกิดมาเป็นประชาชนคนไทย มีความรักสามัคคี เสียสละที่จะอุทิศชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศชาติให้อยู่คงตลอดชั่วกาลนาน

03

แบบม้าที่ช่างกำลังดำเนินงานปั้นอยู่ในขณะนี้

พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ที่จะนำไปประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์ชัยชนะศึก จ.เชียงราย

พิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2545
บริเวณที่จะทำการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ “ชัยชนะศึก” และพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.แม่สาย จ.เชียงราย

04

(ซ้าย) พระเทพรัตนกวี รองเจ้าคณะภาค 5 เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
(กลาง) และพระปัญญาพิศาลเถร (หลวงพ่อไพบูลย์) วัดอนาลโย จ.พะเยา ประกอบพิธีเจิมแผ่นศิลาฤกษ์
(ขวา) พระราชครูวามเทพมุนี ประกอบพิธีบวงสรวง

05

พลเอกวัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานวางศิลาฤกษ์

พิธีบวงสรวง และเททองเป็นปฐมฤกษ์ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
โดยพลเอก วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ รองผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานในพิธี
พระพรหมมุนี วัดบวรนิเวศ เป็นองค์ประธานเททอง
ร่วมด้วยพระเกจินั่งปรก 8 รูป

06

07

แผ่นยันต์ 108 นะ 14 ที่นำมาเป็นชนวนในการจัดสร้างตามตำราการจัดสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์
เครื่องหมายยศทองคำ และแผ่นทองคำที่พลเอก วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์มีจิตศรัทธาร่วมหล่อเป็นชนวนมวลสาร

08

พิธีเททองหล่อชนวนแผ่นยันต์ 999 แผ่น ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
โดยมีพระเกจิอาจารย์นั่งปรก และร่วมเททองหล่อ
เพื่อนำชนวนเหล่านี้ไปผสมในการสร้างพระไพรีพินาศทั้งหมด
(ชื่อพระเกจิอาจารย์เรียงตามลำดับจากซ้าย->ขวา)

09

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) วัดสระเกศ กทม., หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย ปัตตานี, หลวงปู่ทิม วัดพระชาว อยุธยา,หลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์ พิษณุโลก, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม นครปฐม, หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี

10
หลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิตร เพชรบูรณ์, หลวงพ่อดำ วัดตากใบ นราธิวาส, หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี,
หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ ราชบุรี, หลวงพ่อเนียม วัดบางไทร นครศรีธรรมราช, หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติ อยุธยา

11
หลวงพ่อทอง วัดจักรวรรดิ กรุงเทพฯ, พระมหาวันดี วัดอุบลวนาราม นนทบุรี, พระศรีวชิรโมลี วัดเทวราชกุญชร กทม. หลวงปู่โถม วัดธรรมปัญญาราม สุโขทัย, พระราชภาวนาวิกรม วัดไตรมิตร กทม., หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง พัทลุง

12
หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดเม้าสุขา ชลบุรี, หลวงพ่อช่วง วัดควนปัญญาราม พัทลุง, หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม นครปฐม,
หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก, หลวงพ่อป่วน วัดบรรหารแจ่มใส, พระครูภาวนาโสภณ วัดป่าธรรมโสภณ ลพบุรี

13
พระครูพิพิธวิหารกิจ วัดโสธร ฉะเชิงเทรา, พระพิศาลวิหารกิจ(ประจวบ) วัดระฆังโฆสิตาราม กทม.,
หลวงพ่อเจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม, พระครูวิบูลธรรมานุกิจ วัดบางพลีใหญ่ใน สมุทรปราการ,
พระอาจารย์ไพรินทร์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตะ พิษณุโลก, พระครูไพโรจน์ วัดห้วยมงคล ประจวบคีรีขันธ์

14

พิธีเททองหลอมแผ่นยันต์ ซึ่งมีพระเกจิอาจารย์ 7 รูป ร่วมถือสายสิญจน์บริกรรมอธิษฐานจิต
มีรายนามดังนี้ (เรียงลำดับจากซ้าย->ขวา)
หลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์ พิษณุโลก, หลวงปู่โถม วัดธรรมปัญญาราม สุโขทัย, หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดเม้าสุขา ชลบุรี,
หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา, หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี, หลวงปู่ทอง วัดสำเภาเชย ปัตตานี
และ พระราชภาวนาวิกรม วัดไตรมิตร กทม.15

พลเอก วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี
พร้อมนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และผู้ร่วมพิธีจำนวนมาก

รูปแบบ
ในแบบพิมพ์เดิมของเก่าซึ่งเป็นครั้งสำคัญในรอบหลายสิบปี อันเป็นรูปแบบมาตรฐาน และได้รับการยอมรับที่สุดของการจัด สร้างพระไพรีพินาศ

เนื้อหามวลสาร
เข้มข้นด้วยแผ่นยันต์รวมแล้วกว่า 1,000 แผ่น รวบรวมพระยันต์สำคัญในการหล่อพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ ตลอดจนพระยันต์มงคลต่างๆ ลงจารอักขระโดยพระอาจารย์มหาวันดี เจ้าอาวาสวัดอุบลวนาราม จ.นนทบุรี ซึ่งลงอักขระเรียกสูตรยันต์ตามแบบโบราณโดยเฉพาะ “มหายันต์พันพระคาถา” การลงยันต์ในมณฑลพิธี ล้อมรอบด้วยสายสิญจน์เป็นรูปยันต์ เกราะเพชร มีพระเถระ อัญเชิญพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลาระหว่างลงจารอักขระซึ่งปัจจุบันไม่มีที่ใดทำพิธีเช่นนี้อีกแล้ว โดยรวบรวมพระยันต์ทั้งหมดและชนวนมวลสารมงคลมาหลอมหล่อรวมเป็นชนวนที่วัดพระแก้วเพื่อนำไปหลอมรวมกับโลหะเพื่อสร้างเป็นองค์พระไพรีพินาศต่อไป
โลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์
– เหล็กน้ำพี้ จากจังหวัดอุตรดิตถ์ บวงสรวงนำมาจัดสร้างพระไพรีพินาศ เป็นรุ่นแรกครั้งแรก ซึ่งโลหะธาตุเหล็กน้ำพี้มี
ความขลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองมีอานุภาพปกป้อง คุ้มครองกัน แก้สิ่งอัปมงคลทั้งปวง เป็นอำนาจตบะเดชะจึงเหมาะที่จะนำมาสร้างพระไพรีพินาศเป็นอย่างยิ่ง
– เนื้อสัตตโลหะ คือโลหะผสม 7 ชนิด
– เนื้อเหล็กน้ำพี้ คือโลหะผสม 9 ชนิดที่ใช้สร้างพระกริ่ง มีส่วนผสมของทองคำและเงินร่วมกับโลหะมงคลอีก 7 ชนิด
– เนื้ออัลปาก้า ออกสีขาวคล้ายสีของโลหะเงิน เป็นโลหะผสมอีกประเภทหนี่ง

พิธีกรรม
นับได้ว่าการจัดสร้างพระไพรีพินาศครั้งนี้ประกอบพิธีอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทุกขั้นตอน เน้นความ เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ทั้งพิธีกรรม และเนื้อหาเพื่อให้ผู้ที่นำไปบูชากราบไหว้ จะได้สิ่งที่เป็นมงคลอย่างแท้จริง ซึ่งจะมีคุณค่าต่อไปในภายภาคหน้า โดยพิธีมหาพุทธาภิเษกจะมีพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศจำนวน 108 องค์ นั้งปรก และพระสงฆ์ 108 รูปเจริญพระพุทธมนต์ธรรมจักรกัปวัฏณสูตร พระพิธีธรรม 4 ชุด สวดคาถาภาณวาร คาถาอิติปิโส รัตนมาลา คาถามหาจักรพรรดิ คาถาพุทธาภิเษก ตามแบบพิธีมหาจักรพรรดิพุทธาภิเษามณฑลพิธี ล้อมรอบด้วยผ้ายันต์ ์มหาจักรพรรดิ และเดินสายสิญจน์รูปตารางยันต์มหาจักรพรรดิ

พิธีมหาพุทธาภิเษก :
ภายในเดือนกรกฎาคม 2546
ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร

พิธีสมโภช :
ปลายเดือนกรกฎาคม 2546
ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

ตะกรุดคู่สาลิกา เสาร์ห้า วัดเขตอุดมศักดิ์วนาราม

ตะกรุดคู่สาลิกา เสาร์ห้า วัดเขตอุดมศักดิ์วนาราม

ที่สุดแห่งความเข้มขลัง สามพระมหาเถระผู้ทรงคุณแห่ง ชุมพร ปลุกเสก ฤกษ์เสาร์ห้า มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด โชคลาภ ค้าขาย รุ่งเรือง

600427a

600427b

ตะกรุดคู่สาลิกา

ในคัมภีร์พระเวทย์โบราณ ได้มีบันทึกวิชาสาลิกาไว้ โดยเกจิอาจารย์มักนิยมสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง เช่นตะกรุด
ผ้ายันต์ หรือแกะเป็นรูปนกสาลิกา แล้วให้ลูกศิษย์ได้นำไปบูชา

ตะกรุดคู่สาลิกา มีอิทธิคุณอำนาจในทาง เมตตา มหานิยม โชคลาภ เงินทองเพิ่มพูน การเจรจาค้าขาย ประสบความสำเร็จ มีคำพูดเป็นที่น่าเชื่อถือ ผู้ใหญ่ให้ความเมตตา จึงเป็นหนึ่งในเครื่องรางที่เป็นที่นิยมในบรรดา พ่อค้า แม่ค้า หรือคนที่ทำงานประเภทที่ต้องมีการพบปะพูดคุยหรือเจรจาความต่าง ๆ กับผู้อื่น

การทำตะกรุดคู่สาลิกา นั้น พระอาจารย์ท่านจะจารอักขระ
ลงบนแผ่นทองแดง 2 แผ่น
แผ่นแรก ลงยันต์สาลิกาตัวผู้ และลงอักขระ โดยถอดมาจาก หัวใจพระคาถา ที่มีอิทธิคุณทางด้าน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ เป็นพิเศษ
แผ่นสอง ลงยันต์ สาริกาตัวเมีย และลงอักขระและลงอักขระ โดยถอดมาจาก หัวใจพระคาถา ที่มีอิทธิคุณทางด้าน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ เป็นพิเศษ

 

เผยแพร่โดย ครูแชมป์ พิษณุโลก

กรมหลวงชุมพรเรียนวิชา”ระเบิดน้ำ”จากหลวงปู่ศุข

กรมหลวงชุมพรเรียนวิชา”ระเบิดน้ำ”จากหลวงปู่ศุข
สุดยอดอีกหนึ่งตำนานเล่าขานจากบันทึกของนายแพทย์สำนวน ปาลวัฒน์วิไชย ที่ออกสอบถามชาวบ้านคนเก่าแก่ที่มีชีวิตอยู่ เพื่อเขียนถึงการเรียนวิชาขมังเวทของเสด็จในกรมกับหลวงปู่ศุข ได้บันทึกไว้เป็นใจความดังนี้

อันการเรียน “ระเบิดน้ำ” ของกรมหลวงชุมพรฯ นี้ นายแฉล้ม เอี่ยมรอด คนเก่าแก่ได้เล่าว่า (เล่าเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2521 และได้สอบถามเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2521) ได้มีการเรียนระเบิดน้ำกันในเดือน 4 หลังจาก นายแฉล้ม บวชได้ประมาณ 4 พรรษา ตกประมาณเดือนมีนาคม 2464

คราครั้งนั้น กรมหลวงชุมพรฯ ได้ฝึกเรียนระเบิดน้ำกับหลวงปู่ศุขที่โบสถ์น้ำหน้าวัด โดยเสด็จในกรมนั่งบริกรรมอยู่บนโบสถ์น้ำพักหนึ่ง ก็กระโดดไปในน้ำตูมใหญ่ แต่กรมหลวงชุมพรฯ สามารถทนอยู่ใต้น้ำได้เพียง 4 อึดใจใหญ่เท่านั้น แล้วพระองค์ก็ทรงโลดขึ้นมาบนผิวน้ำ จนผิวน้ำแตกกระจาย จากนั้นพระองค์ทรงกล่าวกับหลวงปู่ว่า “ทนไม่ไหว”
ผลการทดสอบเรียนระเบิดน้ำในวันแรกไม่อาจเป็นผลสำเร็จได้ ในวันรุ่งขึ้นกรมหลวงชุมพรฯ ได้ขอทดสอบผลการเรียนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พระองค์มีความตั้งใจสูงแบบยอมตายถวายชีวิตกับวิชาพิเศษนี้ทีเดียว

ฝ่ายหลวงปู่ศุขก็เอาจริงเช่นกัน แต่ท่านก็มีความเสี่ยงเพราะศิษย์ท่านนี้มิใช่สามัญชน หากเป็นถึงโอรสของพระมหากษัตริย์ ทว่าศิษย์กับอาจารย์ต่างก็ “ใจถึง” ด้วยกัน โดยหลวงปู่นั้นถึงกับเตรียมไม้ถ่อค้ำเรือไว้อันหนึ่ง ไม้ถ่อนี้ท่านยืมมาจากเรือบรรทุกข้าวที่จอดอยู่หน้าวัด หลวงปู่บอกว่า “ถ้าโผล่ขึ้นมาอีกจะเอาไม้ถ่อค้ำคอ” ปรากฏว่าในการทดสอบครั้งที่ 2 เสด็จในกรมสามารถผ่านการทดสอบได้สำเร็จ คือทนอยู่ในน้ำได้ถึง 3 ชม. แล้วจึงขึ้นบก

ในบันทึกยังเล่าว่าหลวงปู่ศุขปลื้มใจมากที่ศิษย์เอกเรียนวิชานี้ได้สำเร็จ ท่านได้คุยให้ชาวบ้านและมัคนายกฟังว่า การที่กรมหลวงชุมพรเรียนครั้งนี้สำเร็จ เพราะได้ฝึกจิตได้สูงแล้วนั่นเอง

การเรียน “ระเบิดน้ำ” นี้ทำในตอนกลางวัน หลังจากที่หลวงปู่ฉันเพลแล้ว โดยมีชาวบ้าน มัคนายก และพระเณรที่วัดร่วมดูอยู่ประมาณ 20-30 คน รวมทั้งพระภิกษุแฉล้ม (นายแฉล้ม เอี่ยมรอด) ผู้เล่าด้วย

ในบันทึกของนายแพทย์สำนวน ปาลวัฒน์วิไชย ยังกล่าวอีกว่าได้มีโอกาสคุยกับนายเชื้อ แตงฉ่ำ บ้านหมู่ที่ 5 ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท อายุ 84 ปี ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่าตนเคยเห็นกรมหลวงชุมพรฯ เรียนระเบิดน้ำกับหลวงปู่ศุขด้วยตาตนเอง ดังนี้
ครานั้น ตัวผู้เล่ารู้ว่ากรมหลวงชุมพรฯ เสด็จมาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพราะผู้ใหญ่บ้านบอกเมื่อตนไปที่วัดก็เห็นกรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งสักตามตัวจนดูดำไปหมด ได้ถือดอกไม้ธูปเทียนเดินตามหลวงปู่ไปที่แพโบสถ์น้ำ
เมื่อพิธีเริ่มขึ้นกรมหลวงชุมพรฯ ลงไปที่แพโบสถ์น้ำต่อหน้าหลวงปู่ศุข ผู้เป็นอาจารย์ซึ่งนั่งบริกรรมอยู่ ครั้นแล้วพระองค์ท่านได้กระโดดลงไปในน้ำ ดำผุดดำโผล่อยู่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายหลวงปู่จับพระเศียรกรมหลวงชุมพรฯ กดลงไปในน้ำ คราวนี้เสด็จในกรมจมหายลงไปในน้ำนานมากเป็นชั่วโมง ๆ จนนายเชื้อเองคิดว่าเสด็จในกรมต้องสิ้นพระชนม์แน่คราวนี้

ทว่า ท่าทีสีหน้าของหลวงปู่มีแต่ความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างสูง ไม่ได้มีความวิตกกังวลแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปจนพิธีเสร็จ กรมหลวงชุมพรฯ โผล่ขึ้นมาแล้วปีนขึ้นแพโบสถ์น้ำ ทำให้นายเชื้อ หายใจโล่งอก
หลวงปู่ศุขได้เดินขึ้นฝั่งไปที่กุฏิ มีเสด็จใจกรมเดินตามและพากันขึ้นไปบนกุฏิ
ยังมีเรื่องการเรียนระเบิดน้ำของกรมหลวงชุมพรฯ อีกเรื่องหนึ่ง จะเป็นการเรียนระเบิดน้ำขั้นต้นหรืออย่างไรก็สุดจะสันนิษฐานได้ เพราะเป็นเรื่องของการ “แอบดู” และได้เห็นมา ดังนี้
นางหีบ สุขทอง เป็นผู้เล่าเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 มีใจความว่า คราวนั้น นางหีบได้คลอดบุตรและกำลังอยู่ไฟในตอนกลางวันสามีของตนชื่อนายยอด ได้ทราบจากผู้ใหญ่อุ่น ศุภรัตน์ ว่าตอนกลางคืนกรมหลวงชุมพรฯ จะเรียนระเบิดน้ำ จึงได้ชวนกันไปแอบดู

หลวงปู่ศุขและกรมหลวงชุมพรฯ ฝึกเรียนกันในตอนเที่ยงคืนวันเพ็ญเดือน 12 มีทหารควบคุมทางเข้าทุกทางไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปดู หลวงปู่เดินนำกรมหลวงชุมพรฯ ลงไปในน้ำตรงต้นมะเดื่อหน้าวัดทางทิศใต้ กรมหลวงชุมพรฯ ถือเทียน 7 เล่ม พนมมือ หลวงปู่ศุขเอาบาตรครอบพระเศียรกรมหลวงชุมพรฯ แล้วกดลงไปในน้ำ
เสด็จในกรมทะลึ่งพ้นน้ำขึ้นมาถึง 2 ครั้ง จนหลวงปู่ศุขต้องกล่าวว่า “จะไม่เอาหรือไง ตัดสินใจให้ดี” คราวนี้หลวงปู่กดบาตรที่ครอบพระเศียรลงไปนานมาก เสด็จในกรมจึงโผล่ขึ้นเหนือน้ำและเทียนดับหมด
เรื่องนี้จะเป็นการเรียนวิชาอะไรไม่ทราบแน่นอน เพราะนายยอดเป็นผู้เล่าให้นางหีบฟัง

อันวิชา “ระเบิดน้ำ” นี้ก็เป็นวิชาเดียวกับที่ไกรทองใช้ลงไปปราบชาละวัน จระเข้ใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ในตำนานท้องถิ่นไทยนั่นเอง คือการจุดเทียนส่องลงไปใต้น้ำโดยเทียนไม่ดับ ว่ากันว่าน้ำจะระเบิดเป็นช่องลงไปในบาดาล ผู้สำเร็จวิชานี้เดินไปในน้ำหายใจดุจบนบก ไม่มีอันตรายใดๆ เป็นที่คาดกันว่าการที่กรมหลวงชุมพรฯ ต้องการเรียนวิชานี้เพื่อคิดช่วยชาติบ้านเมืองในยามคับขัน โดยใช้ยุทธวิธีลงไปในน้ำระเบิดเรือรบข้าศึก

ที่มา:บางส่วนของบทความเรื่อง กฤติยาคม กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์

ข่าวหลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์ รุ่น “อายุยืน”

เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ได้รับข้อมูลจากคุณสุเมธ ธนะชัย ว่าได้รับภาพข่าวจากคณะกรรมการจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่แขก ปภาโส วัดสุนทรประดิษฐ์เกี่ยวกับพิธีพุทธาภิเษก และการมอบรายได้ปัจจัยให้กับโรงพยาบาลบางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

กราบอนุโมทนาบุญครับ

รุ่น อภินิหาร หลวงปู่แขก ปภาโส

เหรียญครู รุ่นอภินิหาร หลวงปู่แขก ปภาโส วัดสุนทรประดิษฐ์ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

ขอบคุณ อ.สุเมธ ธนะชัย
ศูนย์พระเครื่องหลวงปู่แขก หลวงปู่รอด พิษณุโลก

1 2 3