ตะกรุดคู่สาลิกา เสาร์ห้า วัดเขตอุดมศักดิ์วนาราม

ตะกรุดคู่สาลิกา เสาร์ห้า วัดเขตอุดมศักดิ์วนาราม

ที่สุดแห่งความเข้มขลัง สามพระมหาเถระผู้ทรงคุณแห่ง ชุมพร ปลุกเสก ฤกษ์เสาร์ห้า มหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด โชคลาภ ค้าขาย รุ่งเรือง

600427a

600427b

ตะกรุดคู่สาลิกา

ในคัมภีร์พระเวทย์โบราณ ได้มีบันทึกวิชาสาลิกาไว้ โดยเกจิอาจารย์มักนิยมสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง เช่นตะกรุด
ผ้ายันต์ หรือแกะเป็นรูปนกสาลิกา แล้วให้ลูกศิษย์ได้นำไปบูชา

ตะกรุดคู่สาลิกา มีอิทธิคุณอำนาจในทาง เมตตา มหานิยม โชคลาภ เงินทองเพิ่มพูน การเจรจาค้าขาย ประสบความสำเร็จ มีคำพูดเป็นที่น่าเชื่อถือ ผู้ใหญ่ให้ความเมตตา จึงเป็นหนึ่งในเครื่องรางที่เป็นที่นิยมในบรรดา พ่อค้า แม่ค้า หรือคนที่ทำงานประเภทที่ต้องมีการพบปะพูดคุยหรือเจรจาความต่าง ๆ กับผู้อื่น

การทำตะกรุดคู่สาลิกา นั้น พระอาจารย์ท่านจะจารอักขระ
ลงบนแผ่นทองแดง 2 แผ่น
แผ่นแรก ลงยันต์สาลิกาตัวผู้ และลงอักขระ โดยถอดมาจาก หัวใจพระคาถา ที่มีอิทธิคุณทางด้าน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ เป็นพิเศษ
แผ่นสอง ลงยันต์ สาริกาตัวเมีย และลงอักขระและลงอักขระ โดยถอดมาจาก หัวใจพระคาถา ที่มีอิทธิคุณทางด้าน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม โชคลาภ เป็นพิเศษ

 

เผยแพร่โดย ครูแชมป์ พิษณุโลก

กรมหลวงชุมพรเรียนวิชา”ระเบิดน้ำ”จากหลวงปู่ศุข

กรมหลวงชุมพรเรียนวิชา”ระเบิดน้ำ”จากหลวงปู่ศุข
สุดยอดอีกหนึ่งตำนานเล่าขานจากบันทึกของนายแพทย์สำนวน ปาลวัฒน์วิไชย ที่ออกสอบถามชาวบ้านคนเก่าแก่ที่มีชีวิตอยู่ เพื่อเขียนถึงการเรียนวิชาขมังเวทของเสด็จในกรมกับหลวงปู่ศุข ได้บันทึกไว้เป็นใจความดังนี้

อันการเรียน “ระเบิดน้ำ” ของกรมหลวงชุมพรฯ นี้ นายแฉล้ม เอี่ยมรอด คนเก่าแก่ได้เล่าว่า (เล่าเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2521 และได้สอบถามเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2521) ได้มีการเรียนระเบิดน้ำกันในเดือน 4 หลังจาก นายแฉล้ม บวชได้ประมาณ 4 พรรษา ตกประมาณเดือนมีนาคม 2464

คราครั้งนั้น กรมหลวงชุมพรฯ ได้ฝึกเรียนระเบิดน้ำกับหลวงปู่ศุขที่โบสถ์น้ำหน้าวัด โดยเสด็จในกรมนั่งบริกรรมอยู่บนโบสถ์น้ำพักหนึ่ง ก็กระโดดไปในน้ำตูมใหญ่ แต่กรมหลวงชุมพรฯ สามารถทนอยู่ใต้น้ำได้เพียง 4 อึดใจใหญ่เท่านั้น แล้วพระองค์ก็ทรงโลดขึ้นมาบนผิวน้ำ จนผิวน้ำแตกกระจาย จากนั้นพระองค์ทรงกล่าวกับหลวงปู่ว่า “ทนไม่ไหว”
ผลการทดสอบเรียนระเบิดน้ำในวันแรกไม่อาจเป็นผลสำเร็จได้ ในวันรุ่งขึ้นกรมหลวงชุมพรฯ ได้ขอทดสอบผลการเรียนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้พระองค์มีความตั้งใจสูงแบบยอมตายถวายชีวิตกับวิชาพิเศษนี้ทีเดียว

ฝ่ายหลวงปู่ศุขก็เอาจริงเช่นกัน แต่ท่านก็มีความเสี่ยงเพราะศิษย์ท่านนี้มิใช่สามัญชน หากเป็นถึงโอรสของพระมหากษัตริย์ ทว่าศิษย์กับอาจารย์ต่างก็ “ใจถึง” ด้วยกัน โดยหลวงปู่นั้นถึงกับเตรียมไม้ถ่อค้ำเรือไว้อันหนึ่ง ไม้ถ่อนี้ท่านยืมมาจากเรือบรรทุกข้าวที่จอดอยู่หน้าวัด หลวงปู่บอกว่า “ถ้าโผล่ขึ้นมาอีกจะเอาไม้ถ่อค้ำคอ” ปรากฏว่าในการทดสอบครั้งที่ 2 เสด็จในกรมสามารถผ่านการทดสอบได้สำเร็จ คือทนอยู่ในน้ำได้ถึง 3 ชม. แล้วจึงขึ้นบก

ในบันทึกยังเล่าว่าหลวงปู่ศุขปลื้มใจมากที่ศิษย์เอกเรียนวิชานี้ได้สำเร็จ ท่านได้คุยให้ชาวบ้านและมัคนายกฟังว่า การที่กรมหลวงชุมพรเรียนครั้งนี้สำเร็จ เพราะได้ฝึกจิตได้สูงแล้วนั่นเอง

การเรียน “ระเบิดน้ำ” นี้ทำในตอนกลางวัน หลังจากที่หลวงปู่ฉันเพลแล้ว โดยมีชาวบ้าน มัคนายก และพระเณรที่วัดร่วมดูอยู่ประมาณ 20-30 คน รวมทั้งพระภิกษุแฉล้ม (นายแฉล้ม เอี่ยมรอด) ผู้เล่าด้วย

ในบันทึกของนายแพทย์สำนวน ปาลวัฒน์วิไชย ยังกล่าวอีกว่าได้มีโอกาสคุยกับนายเชื้อ แตงฉ่ำ บ้านหมู่ที่ 5 ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท อายุ 84 ปี ได้กรุณาเล่าให้ฟังว่าตนเคยเห็นกรมหลวงชุมพรฯ เรียนระเบิดน้ำกับหลวงปู่ศุขด้วยตาตนเอง ดังนี้
ครานั้น ตัวผู้เล่ารู้ว่ากรมหลวงชุมพรฯ เสด็จมาที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า เพราะผู้ใหญ่บ้านบอกเมื่อตนไปที่วัดก็เห็นกรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งสักตามตัวจนดูดำไปหมด ได้ถือดอกไม้ธูปเทียนเดินตามหลวงปู่ไปที่แพโบสถ์น้ำ
เมื่อพิธีเริ่มขึ้นกรมหลวงชุมพรฯ ลงไปที่แพโบสถ์น้ำต่อหน้าหลวงปู่ศุข ผู้เป็นอาจารย์ซึ่งนั่งบริกรรมอยู่ ครั้นแล้วพระองค์ท่านได้กระโดดลงไปในน้ำ ดำผุดดำโผล่อยู่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายหลวงปู่จับพระเศียรกรมหลวงชุมพรฯ กดลงไปในน้ำ คราวนี้เสด็จในกรมจมหายลงไปในน้ำนานมากเป็นชั่วโมง ๆ จนนายเชื้อเองคิดว่าเสด็จในกรมต้องสิ้นพระชนม์แน่คราวนี้

ทว่า ท่าทีสีหน้าของหลวงปู่มีแต่ความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างสูง ไม่ได้มีความวิตกกังวลแม้แต่น้อย เวลาผ่านไปจนพิธีเสร็จ กรมหลวงชุมพรฯ โผล่ขึ้นมาแล้วปีนขึ้นแพโบสถ์น้ำ ทำให้นายเชื้อ หายใจโล่งอก
หลวงปู่ศุขได้เดินขึ้นฝั่งไปที่กุฏิ มีเสด็จใจกรมเดินตามและพากันขึ้นไปบนกุฏิ
ยังมีเรื่องการเรียนระเบิดน้ำของกรมหลวงชุมพรฯ อีกเรื่องหนึ่ง จะเป็นการเรียนระเบิดน้ำขั้นต้นหรืออย่างไรก็สุดจะสันนิษฐานได้ เพราะเป็นเรื่องของการ “แอบดู” และได้เห็นมา ดังนี้
นางหีบ สุขทอง เป็นผู้เล่าเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 มีใจความว่า คราวนั้น นางหีบได้คลอดบุตรและกำลังอยู่ไฟในตอนกลางวันสามีของตนชื่อนายยอด ได้ทราบจากผู้ใหญ่อุ่น ศุภรัตน์ ว่าตอนกลางคืนกรมหลวงชุมพรฯ จะเรียนระเบิดน้ำ จึงได้ชวนกันไปแอบดู

หลวงปู่ศุขและกรมหลวงชุมพรฯ ฝึกเรียนกันในตอนเที่ยงคืนวันเพ็ญเดือน 12 มีทหารควบคุมทางเข้าทุกทางไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปดู หลวงปู่เดินนำกรมหลวงชุมพรฯ ลงไปในน้ำตรงต้นมะเดื่อหน้าวัดทางทิศใต้ กรมหลวงชุมพรฯ ถือเทียน 7 เล่ม พนมมือ หลวงปู่ศุขเอาบาตรครอบพระเศียรกรมหลวงชุมพรฯ แล้วกดลงไปในน้ำ
เสด็จในกรมทะลึ่งพ้นน้ำขึ้นมาถึง 2 ครั้ง จนหลวงปู่ศุขต้องกล่าวว่า “จะไม่เอาหรือไง ตัดสินใจให้ดี” คราวนี้หลวงปู่กดบาตรที่ครอบพระเศียรลงไปนานมาก เสด็จในกรมจึงโผล่ขึ้นเหนือน้ำและเทียนดับหมด
เรื่องนี้จะเป็นการเรียนวิชาอะไรไม่ทราบแน่นอน เพราะนายยอดเป็นผู้เล่าให้นางหีบฟัง

อันวิชา “ระเบิดน้ำ” นี้ก็เป็นวิชาเดียวกับที่ไกรทองใช้ลงไปปราบชาละวัน จระเข้ใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ในตำนานท้องถิ่นไทยนั่นเอง คือการจุดเทียนส่องลงไปใต้น้ำโดยเทียนไม่ดับ ว่ากันว่าน้ำจะระเบิดเป็นช่องลงไปในบาดาล ผู้สำเร็จวิชานี้เดินไปในน้ำหายใจดุจบนบก ไม่มีอันตรายใดๆ เป็นที่คาดกันว่าการที่กรมหลวงชุมพรฯ ต้องการเรียนวิชานี้เพื่อคิดช่วยชาติบ้านเมืองในยามคับขัน โดยใช้ยุทธวิธีลงไปในน้ำระเบิดเรือรบข้าศึก

ที่มา:บางส่วนของบทความเรื่อง กฤติยาคม กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์